
หวัดดีค่ะ
------------ ความรักของกามเทพ -------------
ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลแห่งความรัก ก็เลยมีเรื่องราวของความรักมาเล่าสู่กันฟัง (อย่าเพิ่งค้านว่าเป็นช่วงมาฆะฤกษ์ให้เสียฟีล )ถ้าจะกล่าวถึงความรักของคู่รักทั่วๆไป ก็คงไม่สมกับชื่อนายตั๋ม และเทศกาลอย่างนี้ อย่ากระนั้นเลย เรามาฟังเรื่องราวของเทพเจ้าแห่งความรักกันดีกว่าครับกามเทพ หรืออีรอส EROS (ชื่อโรมัน คิวปิด CUPID) เป็นลูกของ อะโฟรไดต์ APHRODITE (VENUS ดาวศุกร์) กับ เอรีส ARES (MARS ดาวอังคาร) ครับสาเหตุที่อีรอสได้ชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก ก็เนื่องจากพระองค์เที่ยวบินไปบินมา แผลงศรรักปักอกใครต่อใครไปทั่ว (คนที่ตกสำรวจ ไม่ต้องโวยวายหรือก่อม็อบนะครับ ปีนี้มีโอกาสแน่ ไม่ก็ปีหน้า หรือปีโน้น ปีนู้น…) แล้วลูกศรของพระองค์นี่ก็มีคุณสมบัติพิเศษครับ ใครถูกพระองค์ยิงฉึ่กเข้าให้ จะต้องหลงรักคนแรกที่พบหน้าหลังจากอกทะลุในทันที (ภาวนากันให้ดีก็แล้วกันว่าจะเจอกับเพศตรงข้าม)ศรรักของอีรอสมีอานุภาพดังที่กล่าวมา ก็เพราะว่า ตอนเด็กๆ พระองค์ซุกซนแบบมีอิทธิฤทธิ์ตามประสาเทพเจ้า วันหนึ่งพระองค์แอบบินตามเทพอพอลโลไป และเห็นอพอลโลสังหารปิศาจไพธอนด้วยธนู จึงชอบใจอยากได้ธนูบ้าง นี่แหละครับ เทพเจ้าเด็กๆ ลองเป็นทารกมนุษย์ ได้ร้องไห้จ้า สติแตกตั้งแต่เยาว์วัยแน่ๆพอกลับมาที่อยู่ อีรอสก็รบเร้ามารดา อยากได้ธนู อยากได้ธนู ซื้อให้หนูที แต่อะโฟรไดต์ไม่มีตังค์ครับ แล้วก็คงนึก “เด็กไรวะ จะเล่นธนู เดี๋ยวโป้งป้างขึ้นมา พ่อแม่จะเดือดร้อน” จึงทำเฉยเสีย อีรอสก็ร้องโยเยไม่เลิก สร้างความรำคาญให้แก่ ฮีฟีสตัส HEPHAESTUS (วัลแคน VULCAN) ผู้ที่คิดว่าตนเองเป็นบิดาของอีรอสมาก (ฮีฟีสตัส เป็นพระสวามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของวีนัสครับ ส่วนเอรีสเป็นชู้) จึงประดิษฐ์ศรอันเล็กๆเหมาะมือให้กับอีรอส หนึ่งอัน อะโฟรไดต์เกรงว่าอีรอสจะติดคุกตั้งแต่เด็ก จึงประทานพรให้ “ใครก็ตามที่ถูกลูกศรของอีรอส จะต้องหลงรักบุคคลแรกที่ได้พบหน้าทันที”ตั้งแต่นั้นมา กามเทพก็อุบัติขึ้นมนุษย์เรา เมื่อนึกถึงอีรอส จะนึกถึงสภาพที่เป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ อีรอสเติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่มรูปงามเสียด้วยครับ แต่เอ.. รู้สึกจะหยุดการเจริญเติบโตอยู่แค่นั้น เพราะผมไม่เคยเห็นรูปอีรอสตอนแก่เลย ลองนึกดูสิครับ ชายแก่ ผิวหนังเหี่ยวย่น เปลือยกาย มีปีก บินไปบินมา โอย…ไม่ไหวทีนี้ก็มาถึงตอนสำคัญ ตอนที่อีรอสพบกับความรัก พระองค์ไม่ได้พบรักในห้องสมุด เดินชนหญิงสาว หนังสือตกกระจาย ก้มเก็บให้ ตาสบตาปิ๊งปั๊ง ไม่ได้พบในแชตรูม คุยกันสองนาทีขอเบอร์โทร อีเมลแอดเดรส ระดับเทพเจ้าต้องพิศดารกว่านั้น ครับ ทุกคนเดาออก อีรอสถูกลูกศรตัวเองด้วยความซุ่มซ่าม ไซคี PSYCHE คือผู้หญิงคนนั้นในประเทศกรีกสมัยหนึ่ง พระราชา และพระราชินี มีพระราชธิดา 3 พระองค์ องค์เล็กมีพระนามว่า ไซคี มีสิริโฉมงดงามมาก ผู้ที่เห็นพระพักตร์จะต้องตะลึงตึงตึง ในความงามของพระองค์ และคำร่ำลือได้ขจรขจายไปทั่ว ผู้คนต่างมุ่งหน้ามากรีก เพื่อชมความงามของไซคี จนถึงขนาดยกย่องให้เป็นเทพธิดาลงมาเกิดเลยทีเดียว ต่างพูดถึงแต่ความงามของไซคีกระทั่งหลงลืมบูชา บวงสรวง อะโฟรไดต์ เทพีแห่งความงามตัวจริง ปล่อยให้วิหารทั้งหลายที่มีรูปปั้นอะโฟรไดต์ ต้องรกร้างแหงซะล่ะครับ ผู้หญิง ไม่ว่าเทวดาหรือมนุษย์ ห้ามมาแข่งเรื่องความสวยความงามกันเด็ดขาด “สวยนักหรือ งั้นแต่งงานกับคนรูปชั่วก็แล้วกัน” อะโฟรไดต์นึกแล้วก็สั่งให้อีรอสลงไปแผลงศรทันทีอีรอสแม้จะเติบโตเป็นหนุ่มรูปงามแล้วก็ตาม แต่ยังเป็นลูกที่อยู่ในโอวาทของแม่ สั่งอะไรก็ทำ จึงลงไปยังโลกมนุษย์ ขณะนั้น ไซคีกำลังหลับอยู่ อีรอสย่องเข้าไป… เอาปลายลูกศรสัมผัสไซคีอย่างแผ่วเบา (มวยล้มแฮะ ไม่ยักกะยิงให้อกทะลุ) ไซคีสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทำให้อีรอสตกใจ ซุ่มซ่ามถูกปลายลูกศรตนเอง จึงรีบบินหนีไป โดยที่ไซคีเห็นพระองค์ไม่ถนัดตาศรรักทำงานของมันอย่างซื่อสัตย์ อีรอสหลงรักไซคี และไซคีหลงรักอีรอส แต่นางไม่รู้ว่าบุคคลที่นางหลงรักเป็นใคร หน้าตาอย่างไร จนกระทั่งพี่สาวทั้งสองอภิเษกออกเรือนไปแล้ว นางก็ยังไม่ตกลงปลงใจกับชายใดเสียที ที่สำคัญ ไม่มีชายใดกล้าสู่ขอนาง ทำให้พระราชากลุ้มใจมาก จึงไปบวงสรวง บูชาเทพพยากรณ์ ซึ่งเทพพยากรณ์ก็ได้ทำนายว่า เนื้อคู่ของนางเป็นอมนุษย์ และแนะนำให้นำนางไปปล่อยที่ยอดเขาแห่งหนึ่งขณะที่ไซคีกำลังร้องไห้อย่างเดียวดายอยู่บนยอดเขาแห่งนั้น เซฟเฟอรัส ZEPHYRUS เทพเจ้าแห่งสายลมตะวันตก ก็พัดมา และโอบอุ้มนางลงไปยังหุบเขาเบื้องล่าง หลังจากไซคีเช็ดน้ำหูน้ำตาแล้ว สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าก็คือ วิมานที่สวยสดงดงาม เสาและบานประตูทำด้วยทองคำ อาณาบริเวณเต็มไปด้วยดอกไม้ ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวน ทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียง “ยินดีต้อนรับสู่วิมาน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าเห็น จะเป็นสมบัติของเจ้า เจ้าปรารถนาสิ่งใดก็จะสมปรารถนา” แต่ไซคีมองไม่เห็นเจ้าของเสียงเลยตั้งแต่นั้นมา ไซคีก็อยู่ในวิมานแห่งนั้นอย่างมีความสุข โดยเจ้าของเสียงลึกลับจะมาหานางทุกค่ำคืน จนกระทั่งวันหนึ่ง นางได้ยินเสียงพี่สาวทั้งสองที่คิดว่าน้องตนเองตกลงไปในหุบเขา มาตะโกนโหวกเหวกอยู่บนยอดเขาก็ดีใจ คืนนั้นนางจึงขออนุญาตเจ้าของเสียงลึกลับ ให้พี่สาวนางลงมาเยี่ยม ซึ่งก็ได้รับอนุญาตเช้าวันรุ่งขึ้น เซฟเฟอรัสจึงได้พาพี่สาวทั้งสองของไซคีลงมายังวิมานพอพี่สาวทั้งสองเห็นน้องมีความสุขอยู่ในวิมานอันงดงาม ก็เกิดริษยา ยุแยงตะแคงรั่วว่า เจ้าของเสียงลึกลับเป็นปิศาจบ้าง เป็นอสูรกายบ้าง เป็นสัตว์ร้ายจึงไม่กล้าปรากฏตัว และออกอุบายให้ไซคีจุดตะเกียงดูให้เห็นดำเห็นแดงกันไปเลยคืนนั้น หลังจากพี่สาวทั้งสองกลับขึ้นไปแล้ว เจ้าของเสียงลึกลับก็มาตามเคย หลังจากชื่นชมสมหวังกันแล้ว เจ้าของเสียงลึกลับก็หลับไป (สงสัยจะหมดแรงข้าวต้ม) ไซคีก็จุดตะเกียงน้ำมัน และไปส่องหน้าดู ปรากฏว่าเป็นอีรอส เทพเจ้ารูปหล่อนั่นเอง ไซคีถึงกับตกตะลึง และเผลอทำน้ำมันร้อนจากตะเกียงหยดถูกหัวไหล่อีรอส (แหม ซุ่มซ่ามทั้งผัวทั้งเมีย) อีรอสตื่นขึ้นมา เสียใจมา จึงกล่าวขึ้นมาว่า “ความรักมิอาจอยู่ร่วมกับความหวาดระแวง” แล้วก็บินจากไปอย่างเศร้าสร้อยไซคีเสียใจร้องไห้จนสลบ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่า นางกลับขึ้นมาอยู่ที่ยอดเขาแห่งเดิม นางเที่ยวตามหาอีรอสไปทั่ว แต่ก็ไม่พบร่องรอย หรือข่าวคราวใดๆเลยพี่สาวทั้งสอง เมื่อรู้ว่าไซคีถูกไล่กลับมาแล้วก็ดีใจ คิดครอบครองวิมานแทน จึงวิ่งไปที่ยอดเขาแห่งนั้น และตะโกนเรียกเซฟเฟอรัส พอมีลมพัดมาก็กระโดดลงไป คอหักตายฝ่ายไซคี ตามหาอีรอสกระเซอะกระเซิงมาถึงวิหารบูชาของเทพีแห่งการเกษตร ซีรีส CERUS (ชื่อโรมัน ดิมิเทอร์ DEMITER พี่สาวของซูส จอมเทพ) นางเห็นเมล็ดข้าวฟ่าง ฟาง พันธุ์พืชต่างๆ กระจัดกระจายไปทั่ว จึงเก็บข้าวของเหล่านั้นให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และบวงสรวงเทพีซีรีสเทพีซีรีสเห็นดังนั้นก็พอใจมาก จึงพานางไปหาเทพีอะโฟรไดต์ เพื่อให้นางขอโทษ และปรนนิบัติรับใช้ อะโฟรไดต์เกรงใจซีรีส จึงยอมยกโทษให้ แต่ก็แกล้งใช้ไซคี ให้นางคัดแยกเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ ซึ่งกองรวมกันอยู่มากมายให้เสร็จภายในวันเดียวอีรอสรู้ดังนั้นจึงให้มดมาช่วย รุ่งเช้าอะโฟรไดต์มาตรวจ ก็รู้ว่าจะต้องมีใครมาช่วย จึงแกล้งต่อ โดยให้ไปนำขนแกะจากฝูงแกะอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำมาให้ฝูงแกะนั้นดุร้ายมาก แต่ต้นอ้อริมแม่น้ำก็ได้แนะนำไซคี ให้ไปตัดขนแกะหลังเที่ยง ซึ่งเวลานั้น แกะจะง่วง และพักผ่อนนอนหลับเมื่อไซคีนำขนแกะมาให้ อะโฟรไดต์ก็ยังไม่พอใจ มอบงานใหม่ให้ทันที คราวนี้ให้นางไปนรก (เอรีบัส EREBUS) เพื่อไปขอมนต์ความงามจาก เพอร์เซโฟนี PERSEPHONE (ชื่อโรมัน พรอสเซอร์พินา PROSERPINA) มเหสีแห่ง เฮดีส HEDES (พลูโต PLUTO อนุชาแห่งซูส จอมเทพ)ลงนรก ก็ตายกันนะสิครับ ไหนจะต้องผ่านเซอร์บิรัส CERBERUS สุนัข 3 หัว ที่เฝ้าปากทางอีก (ใครอ่านแฮรี่ พอตเตอร์ คงจะรู้จักเจ้าตัวนี้เป็นอย่างดี) ไซคีก็คิดเช่นนั้น หนทางสู่ยมโลกคือความตาย นางจึงขึ้นไปบนหอคอย แล้วจะกระโดดลงมา ก่อนที่จะกระโดด หอคอยได้พูดกับนาง และแนะนำให้นางเดินทางไปทางทิศตะวันตก จนถึงโขดหินสีดำ จะมีถ้ำซ่อนอยู่ ให้เข้าไปในนั้น โดยนำขนมไป 2 ก้อน และอมเหรียญไว้ 2 อัน เมื่อเจอเซอร์บิรัส ก็โยนขนมให้ 1 ก้อน จากนั้นเมื่อมาถึงแม่น้ำสตีก STYX จะพบกับแครอน CHARON คายเหรียญในปากให้ 1 เหรียญ (แครอนเป็นคนรับจ้างแจวเรือ รับคนตายข้ามแม่น้ำสตีกสู่ยมโลก โดยค่าจ้างข้ามฟากได้แก่ เหรียญในปากศพ) เมื่อพบ เพอร์เซโฟนี ขอมนต์แห่งความงามแล้ว ขากลับก็ให้เหรียญ และขนมที่เหลือแก่ แครอน และเซอร์บิรัส จะกลับมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ห้ามเปิดโถที่บรรจุมนต์อย่างเด็ดขาดไซคีทำตามทุกขั้นตอนครับ ยกเว้นประการสุดท้าย นางกลับมายังโลกมนุษย์ได้แล้ว แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากสวยงาม จึงแอบเปิดโถนั้นดูกลางทาง ไม่พบโมราแต่อย่างใด พบแต่ความง่วงแห่งความตาย นางล้มลงหลับทันทีอีรอสคอยนางอยู่นาน ไม่เห็นกลับมา จึงออกตามหาจนพบ และเก็บความง่วงแห่งความตายเข้าไว้ในโถอย่างเดิม ไซคีก็ฟื้นขึ้นมา อีรอสรู้ดีว่า อะโฟรไดต์จะต้องหาเรื่องกลั่นแกล้งไซคีอีก จึงรีบไปหาซูส ZEUS (จูปิเตอร์ JUPETER) เพื่ออ้อนวอนให้พระองค์เกลี้ยกล่อม อะโฟรไดต์ ซึ่งซูสก็กรุณาทำให้ และยังให้ เฮอร์มีส HERMES (เมอร์คิวรี่ MERCURY ดาวพุธ เทพเจ้าแห่งการสื่อสาร) ไปรับนางมายังวิมานเทือกเขาโอลิมปัส OLYMPUS ประทานน้ำอมฤตให้ดื่ม เพื่อเป็นอมตะ อีรอสและไซคีก็ครองรักกันอย่างผาสุกสืบมา“ความรักมิอาจอยู่ร่วมกับความหวาดระแวง” ขอความสมปรารถนาแห่งความรักจงมีแด่ทุกท่าน สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับผม-------------------------------------
------------ ความรักของกามเทพ -------------
ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลแห่งความรัก ก็เลยมีเรื่องราวของความรักมาเล่าสู่กันฟัง (อย่าเพิ่งค้านว่าเป็นช่วงมาฆะฤกษ์ให้เสียฟีล )ถ้าจะกล่าวถึงความรักของคู่รักทั่วๆไป ก็คงไม่สมกับชื่อนายตั๋ม และเทศกาลอย่างนี้ อย่ากระนั้นเลย เรามาฟังเรื่องราวของเทพเจ้าแห่งความรักกันดีกว่าครับกามเทพ หรืออีรอส EROS (ชื่อโรมัน คิวปิด CUPID) เป็นลูกของ อะโฟรไดต์ APHRODITE (VENUS ดาวศุกร์) กับ เอรีส ARES (MARS ดาวอังคาร) ครับสาเหตุที่อีรอสได้ชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก ก็เนื่องจากพระองค์เที่ยวบินไปบินมา แผลงศรรักปักอกใครต่อใครไปทั่ว (คนที่ตกสำรวจ ไม่ต้องโวยวายหรือก่อม็อบนะครับ ปีนี้มีโอกาสแน่ ไม่ก็ปีหน้า หรือปีโน้น ปีนู้น…) แล้วลูกศรของพระองค์นี่ก็มีคุณสมบัติพิเศษครับ ใครถูกพระองค์ยิงฉึ่กเข้าให้ จะต้องหลงรักคนแรกที่พบหน้าหลังจากอกทะลุในทันที (ภาวนากันให้ดีก็แล้วกันว่าจะเจอกับเพศตรงข้าม)ศรรักของอีรอสมีอานุภาพดังที่กล่าวมา ก็เพราะว่า ตอนเด็กๆ พระองค์ซุกซนแบบมีอิทธิฤทธิ์ตามประสาเทพเจ้า วันหนึ่งพระองค์แอบบินตามเทพอพอลโลไป และเห็นอพอลโลสังหารปิศาจไพธอนด้วยธนู จึงชอบใจอยากได้ธนูบ้าง นี่แหละครับ เทพเจ้าเด็กๆ ลองเป็นทารกมนุษย์ ได้ร้องไห้จ้า สติแตกตั้งแต่เยาว์วัยแน่ๆพอกลับมาที่อยู่ อีรอสก็รบเร้ามารดา อยากได้ธนู อยากได้ธนู ซื้อให้หนูที แต่อะโฟรไดต์ไม่มีตังค์ครับ แล้วก็คงนึก “เด็กไรวะ จะเล่นธนู เดี๋ยวโป้งป้างขึ้นมา พ่อแม่จะเดือดร้อน” จึงทำเฉยเสีย อีรอสก็ร้องโยเยไม่เลิก สร้างความรำคาญให้แก่ ฮีฟีสตัส HEPHAESTUS (วัลแคน VULCAN) ผู้ที่คิดว่าตนเองเป็นบิดาของอีรอสมาก (ฮีฟีสตัส เป็นพระสวามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของวีนัสครับ ส่วนเอรีสเป็นชู้) จึงประดิษฐ์ศรอันเล็กๆเหมาะมือให้กับอีรอส หนึ่งอัน อะโฟรไดต์เกรงว่าอีรอสจะติดคุกตั้งแต่เด็ก จึงประทานพรให้ “ใครก็ตามที่ถูกลูกศรของอีรอส จะต้องหลงรักบุคคลแรกที่ได้พบหน้าทันที”ตั้งแต่นั้นมา กามเทพก็อุบัติขึ้นมนุษย์เรา เมื่อนึกถึงอีรอส จะนึกถึงสภาพที่เป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ อีรอสเติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่มรูปงามเสียด้วยครับ แต่เอ.. รู้สึกจะหยุดการเจริญเติบโตอยู่แค่นั้น เพราะผมไม่เคยเห็นรูปอีรอสตอนแก่เลย ลองนึกดูสิครับ ชายแก่ ผิวหนังเหี่ยวย่น เปลือยกาย มีปีก บินไปบินมา โอย…ไม่ไหวทีนี้ก็มาถึงตอนสำคัญ ตอนที่อีรอสพบกับความรัก พระองค์ไม่ได้พบรักในห้องสมุด เดินชนหญิงสาว หนังสือตกกระจาย ก้มเก็บให้ ตาสบตาปิ๊งปั๊ง ไม่ได้พบในแชตรูม คุยกันสองนาทีขอเบอร์โทร อีเมลแอดเดรส ระดับเทพเจ้าต้องพิศดารกว่านั้น ครับ ทุกคนเดาออก อีรอสถูกลูกศรตัวเองด้วยความซุ่มซ่าม ไซคี PSYCHE คือผู้หญิงคนนั้นในประเทศกรีกสมัยหนึ่ง พระราชา และพระราชินี มีพระราชธิดา 3 พระองค์ องค์เล็กมีพระนามว่า ไซคี มีสิริโฉมงดงามมาก ผู้ที่เห็นพระพักตร์จะต้องตะลึงตึงตึง ในความงามของพระองค์ และคำร่ำลือได้ขจรขจายไปทั่ว ผู้คนต่างมุ่งหน้ามากรีก เพื่อชมความงามของไซคี จนถึงขนาดยกย่องให้เป็นเทพธิดาลงมาเกิดเลยทีเดียว ต่างพูดถึงแต่ความงามของไซคีกระทั่งหลงลืมบูชา บวงสรวง อะโฟรไดต์ เทพีแห่งความงามตัวจริง ปล่อยให้วิหารทั้งหลายที่มีรูปปั้นอะโฟรไดต์ ต้องรกร้างแหงซะล่ะครับ ผู้หญิง ไม่ว่าเทวดาหรือมนุษย์ ห้ามมาแข่งเรื่องความสวยความงามกันเด็ดขาด “สวยนักหรือ งั้นแต่งงานกับคนรูปชั่วก็แล้วกัน” อะโฟรไดต์นึกแล้วก็สั่งให้อีรอสลงไปแผลงศรทันทีอีรอสแม้จะเติบโตเป็นหนุ่มรูปงามแล้วก็ตาม แต่ยังเป็นลูกที่อยู่ในโอวาทของแม่ สั่งอะไรก็ทำ จึงลงไปยังโลกมนุษย์ ขณะนั้น ไซคีกำลังหลับอยู่ อีรอสย่องเข้าไป… เอาปลายลูกศรสัมผัสไซคีอย่างแผ่วเบา (มวยล้มแฮะ ไม่ยักกะยิงให้อกทะลุ) ไซคีสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทำให้อีรอสตกใจ ซุ่มซ่ามถูกปลายลูกศรตนเอง จึงรีบบินหนีไป โดยที่ไซคีเห็นพระองค์ไม่ถนัดตาศรรักทำงานของมันอย่างซื่อสัตย์ อีรอสหลงรักไซคี และไซคีหลงรักอีรอส แต่นางไม่รู้ว่าบุคคลที่นางหลงรักเป็นใคร หน้าตาอย่างไร จนกระทั่งพี่สาวทั้งสองอภิเษกออกเรือนไปแล้ว นางก็ยังไม่ตกลงปลงใจกับชายใดเสียที ที่สำคัญ ไม่มีชายใดกล้าสู่ขอนาง ทำให้พระราชากลุ้มใจมาก จึงไปบวงสรวง บูชาเทพพยากรณ์ ซึ่งเทพพยากรณ์ก็ได้ทำนายว่า เนื้อคู่ของนางเป็นอมนุษย์ และแนะนำให้นำนางไปปล่อยที่ยอดเขาแห่งหนึ่งขณะที่ไซคีกำลังร้องไห้อย่างเดียวดายอยู่บนยอดเขาแห่งนั้น เซฟเฟอรัส ZEPHYRUS เทพเจ้าแห่งสายลมตะวันตก ก็พัดมา และโอบอุ้มนางลงไปยังหุบเขาเบื้องล่าง หลังจากไซคีเช็ดน้ำหูน้ำตาแล้ว สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าก็คือ วิมานที่สวยสดงดงาม เสาและบานประตูทำด้วยทองคำ อาณาบริเวณเต็มไปด้วยดอกไม้ ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวน ทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียง “ยินดีต้อนรับสู่วิมาน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าเห็น จะเป็นสมบัติของเจ้า เจ้าปรารถนาสิ่งใดก็จะสมปรารถนา” แต่ไซคีมองไม่เห็นเจ้าของเสียงเลยตั้งแต่นั้นมา ไซคีก็อยู่ในวิมานแห่งนั้นอย่างมีความสุข โดยเจ้าของเสียงลึกลับจะมาหานางทุกค่ำคืน จนกระทั่งวันหนึ่ง นางได้ยินเสียงพี่สาวทั้งสองที่คิดว่าน้องตนเองตกลงไปในหุบเขา มาตะโกนโหวกเหวกอยู่บนยอดเขาก็ดีใจ คืนนั้นนางจึงขออนุญาตเจ้าของเสียงลึกลับ ให้พี่สาวนางลงมาเยี่ยม ซึ่งก็ได้รับอนุญาตเช้าวันรุ่งขึ้น เซฟเฟอรัสจึงได้พาพี่สาวทั้งสองของไซคีลงมายังวิมานพอพี่สาวทั้งสองเห็นน้องมีความสุขอยู่ในวิมานอันงดงาม ก็เกิดริษยา ยุแยงตะแคงรั่วว่า เจ้าของเสียงลึกลับเป็นปิศาจบ้าง เป็นอสูรกายบ้าง เป็นสัตว์ร้ายจึงไม่กล้าปรากฏตัว และออกอุบายให้ไซคีจุดตะเกียงดูให้เห็นดำเห็นแดงกันไปเลยคืนนั้น หลังจากพี่สาวทั้งสองกลับขึ้นไปแล้ว เจ้าของเสียงลึกลับก็มาตามเคย หลังจากชื่นชมสมหวังกันแล้ว เจ้าของเสียงลึกลับก็หลับไป (สงสัยจะหมดแรงข้าวต้ม) ไซคีก็จุดตะเกียงน้ำมัน และไปส่องหน้าดู ปรากฏว่าเป็นอีรอส เทพเจ้ารูปหล่อนั่นเอง ไซคีถึงกับตกตะลึง และเผลอทำน้ำมันร้อนจากตะเกียงหยดถูกหัวไหล่อีรอส (แหม ซุ่มซ่ามทั้งผัวทั้งเมีย) อีรอสตื่นขึ้นมา เสียใจมา จึงกล่าวขึ้นมาว่า “ความรักมิอาจอยู่ร่วมกับความหวาดระแวง” แล้วก็บินจากไปอย่างเศร้าสร้อยไซคีเสียใจร้องไห้จนสลบ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่า นางกลับขึ้นมาอยู่ที่ยอดเขาแห่งเดิม นางเที่ยวตามหาอีรอสไปทั่ว แต่ก็ไม่พบร่องรอย หรือข่าวคราวใดๆเลยพี่สาวทั้งสอง เมื่อรู้ว่าไซคีถูกไล่กลับมาแล้วก็ดีใจ คิดครอบครองวิมานแทน จึงวิ่งไปที่ยอดเขาแห่งนั้น และตะโกนเรียกเซฟเฟอรัส พอมีลมพัดมาก็กระโดดลงไป คอหักตายฝ่ายไซคี ตามหาอีรอสกระเซอะกระเซิงมาถึงวิหารบูชาของเทพีแห่งการเกษตร ซีรีส CERUS (ชื่อโรมัน ดิมิเทอร์ DEMITER พี่สาวของซูส จอมเทพ) นางเห็นเมล็ดข้าวฟ่าง ฟาง พันธุ์พืชต่างๆ กระจัดกระจายไปทั่ว จึงเก็บข้าวของเหล่านั้นให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และบวงสรวงเทพีซีรีสเทพีซีรีสเห็นดังนั้นก็พอใจมาก จึงพานางไปหาเทพีอะโฟรไดต์ เพื่อให้นางขอโทษ และปรนนิบัติรับใช้ อะโฟรไดต์เกรงใจซีรีส จึงยอมยกโทษให้ แต่ก็แกล้งใช้ไซคี ให้นางคัดแยกเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ ซึ่งกองรวมกันอยู่มากมายให้เสร็จภายในวันเดียวอีรอสรู้ดังนั้นจึงให้มดมาช่วย รุ่งเช้าอะโฟรไดต์มาตรวจ ก็รู้ว่าจะต้องมีใครมาช่วย จึงแกล้งต่อ โดยให้ไปนำขนแกะจากฝูงแกะอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำมาให้ฝูงแกะนั้นดุร้ายมาก แต่ต้นอ้อริมแม่น้ำก็ได้แนะนำไซคี ให้ไปตัดขนแกะหลังเที่ยง ซึ่งเวลานั้น แกะจะง่วง และพักผ่อนนอนหลับเมื่อไซคีนำขนแกะมาให้ อะโฟรไดต์ก็ยังไม่พอใจ มอบงานใหม่ให้ทันที คราวนี้ให้นางไปนรก (เอรีบัส EREBUS) เพื่อไปขอมนต์ความงามจาก เพอร์เซโฟนี PERSEPHONE (ชื่อโรมัน พรอสเซอร์พินา PROSERPINA) มเหสีแห่ง เฮดีส HEDES (พลูโต PLUTO อนุชาแห่งซูส จอมเทพ)ลงนรก ก็ตายกันนะสิครับ ไหนจะต้องผ่านเซอร์บิรัส CERBERUS สุนัข 3 หัว ที่เฝ้าปากทางอีก (ใครอ่านแฮรี่ พอตเตอร์ คงจะรู้จักเจ้าตัวนี้เป็นอย่างดี) ไซคีก็คิดเช่นนั้น หนทางสู่ยมโลกคือความตาย นางจึงขึ้นไปบนหอคอย แล้วจะกระโดดลงมา ก่อนที่จะกระโดด หอคอยได้พูดกับนาง และแนะนำให้นางเดินทางไปทางทิศตะวันตก จนถึงโขดหินสีดำ จะมีถ้ำซ่อนอยู่ ให้เข้าไปในนั้น โดยนำขนมไป 2 ก้อน และอมเหรียญไว้ 2 อัน เมื่อเจอเซอร์บิรัส ก็โยนขนมให้ 1 ก้อน จากนั้นเมื่อมาถึงแม่น้ำสตีก STYX จะพบกับแครอน CHARON คายเหรียญในปากให้ 1 เหรียญ (แครอนเป็นคนรับจ้างแจวเรือ รับคนตายข้ามแม่น้ำสตีกสู่ยมโลก โดยค่าจ้างข้ามฟากได้แก่ เหรียญในปากศพ) เมื่อพบ เพอร์เซโฟนี ขอมนต์แห่งความงามแล้ว ขากลับก็ให้เหรียญ และขนมที่เหลือแก่ แครอน และเซอร์บิรัส จะกลับมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ห้ามเปิดโถที่บรรจุมนต์อย่างเด็ดขาดไซคีทำตามทุกขั้นตอนครับ ยกเว้นประการสุดท้าย นางกลับมายังโลกมนุษย์ได้แล้ว แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากสวยงาม จึงแอบเปิดโถนั้นดูกลางทาง ไม่พบโมราแต่อย่างใด พบแต่ความง่วงแห่งความตาย นางล้มลงหลับทันทีอีรอสคอยนางอยู่นาน ไม่เห็นกลับมา จึงออกตามหาจนพบ และเก็บความง่วงแห่งความตายเข้าไว้ในโถอย่างเดิม ไซคีก็ฟื้นขึ้นมา อีรอสรู้ดีว่า อะโฟรไดต์จะต้องหาเรื่องกลั่นแกล้งไซคีอีก จึงรีบไปหาซูส ZEUS (จูปิเตอร์ JUPETER) เพื่ออ้อนวอนให้พระองค์เกลี้ยกล่อม อะโฟรไดต์ ซึ่งซูสก็กรุณาทำให้ และยังให้ เฮอร์มีส HERMES (เมอร์คิวรี่ MERCURY ดาวพุธ เทพเจ้าแห่งการสื่อสาร) ไปรับนางมายังวิมานเทือกเขาโอลิมปัส OLYMPUS ประทานน้ำอมฤตให้ดื่ม เพื่อเป็นอมตะ อีรอสและไซคีก็ครองรักกันอย่างผาสุกสืบมา“ความรักมิอาจอยู่ร่วมกับความหวาดระแวง” ขอความสมปรารถนาแห่งความรักจงมีแด่ทุกท่าน สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับผม-------------------------------------
mms://streaming.gmember.com/wma/01567601.WMA
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น